สำหรับประวัติของศาลเจ้าแห่งนี้ เล่ากันสืบมาว่า ถูกสร้างโดยชาวจีนซึ่งตามเสด็จพระเจ้าตากสิน มาตั้งถิ่นฐานอยู่ปากคลองบางหลวง โดยสร้างศาลเจ้าไว้สองศาล ใกล้ๆกัน คือ ศาลหนึ่งประดิษฐานเจ้าพ่อโจวซือกง และอีกศาลหนึ่งประดิษฐานเจ้าพ่อกวนอู
และเมื่อถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ชาวจีนได้อพยพย้ายกันไปอยู่ในชุมชนสำเพ็งและตลาดน้อยกันอย่างหนาแน่น เนื่องจากกรุงเทพฯ ได้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ ทำให้บริเวณฝั่งธนบุรีมีผู้คนเบาบางลง ต่างก็ไปกระจุกตัวอยู่ในชุมชนใหม่ และไม่ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องทำให้ศาลเจ้าทั้งคู่ทรุดโทรมลง
จนเมื่อพุทธศักราช 2368 เป็นปีที่ 2 ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เจ้าพระยานิกรบดินทร์ ซึ่งเป็นต้นตระกูลกัลยาณมิตร ได้อุทิศบ้านและซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อสร้างวัดกัลยาณมิตรขึ้นนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับชาวจีนฮกเกี้ยน ตำบลเจียงจิว และจัวจิว ซึ่งเป็นต้นตระกูลของสกุลตันติเวชกุล และ สิมะเสถียร ได้เดินทางมาไหว้ศาลเจ้าทั้งสอง และเห็นว่าทรุดโทรม จึงได้ร่วมมือกันบูรณะก่อสร้างศาลเจ้าใหม่ให้ โดยก่อสร้างเป็นศาลเจ้าเพียงหลังเดียว แต่เมื่อการสร้างศาลเจ้าเสร็จแล้ว ใน พ.ศ. 2391 ได้อัญเชิญเจ้าแม่กวนอิม มาประดิษฐานไว้เป็นองค์ประธาน องค์นี้ถูกอัญเชิญจากศาลเจ้าแชฮุดเต็ง จากประเทศจีน (ส่วนเจ้าพ่อกวนอู และเจ้าพ่อโจวซือกง ไม่ปรากฏว่าไปไว้ที่ใด) พร้อมระฆังหล่อสำริด และได้สถาปนาชื่อใหม่ว่า “ศาลเจ้าเกียนอันเกง” มีความหมายว่า วังที่สร้างความสงบสุขให้แก่แผ่นดินและผู้มากราบสักการะ และถือว่าตระกูลทั้งสองเป็นชาวฮกเกี้ยนได้ทำการก่อสร้างศาลนี้ ทำให้เป็นศาลเจ้าของชาวฮกเกี้ยนโดยปริยาย
รูประฆังที่ถูกหล่อขึ้นจากประเทศจีน ส่งมายังกรุงสยามเพื่อเป้นพยานว่า ศาลเจ้าแห่งนี้ได้สร้างเสร็จแล้ว คือมีอักษรจีนว่าหล่อขึ้นในในฤดูใบไม้ผลิ ปีที่ 25 ในรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น